รีวิวหนัง Parasite (2019)
อันดับแรก ต้องมาว่ากันที่ชื่อเรื่องก่อน ความหมายของ Parasite ที่แปลว่า ปรสิต คือ สิ่งมีชีวิตที่ไปอาศัยอยู่กับสิ่งมีชีวิตชนิดอื่น ใช้เป็นที่พักอาศัยและแหล่งอาหาร บางครั้งก็ทำร้ายสิ่งมีชีวิตที่ใช้ประโยชน์นั้นหรือเซลล์ภายใน จนเจ็บป่วยหรือถึงกับเสียชีวิตได้ เช่น พยาธิ ซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ อาศัยอยู่ในร่างกายมนุษย์ เป็นต้น
นั่นคือพลอตหลักของเรื่อง ที่จะเล่าถึง ‘ความต่างของชนชั้นเศรษฐกิจในสังคม’ ที่มีครอบครัวชนชั้นยากไร้ไปเกาะกินดุจเห็บเหาหรือปรสิต หาประโยชน์จากครอบครัวเศรษฐีโดยเขาไม่ทันรู้ตัว และเกิดเรื่องราวโกลาหลตามมาในที่สุด
ครอบครัวคิม เป็นครอบครัวโลว์คลาส ที่ประกอบด้วยสมาชิก 4 คน พ่อ คือ คิมกีทัค (รับบทโดย ซงคังโฮ) แม่ คือ ชุงซุก (รับบทโดย จางฮเยจิน) ลูกชาย คือ คิมกีอู (รับบทโดย ชเวอูชิก) และลูกสาว คือ คิมกีจอง (รับบทโดย พัคโซดัม) พวกเขาเป็นครอบครัวที่ยากจน ต่ำต้อย อาศัยอยู่ชั้นกึ่งใต้ดินของอาคารที่อยู่ในซอกหลืบซอมซ่อแห่งหนึ่งของโซล บ้านเป็นแค่ห้องโกโรโกโสเล็กๆ ที่มีหน้าต่างแนวระนาบพื้นทางเท้าอยู่เพียงบานเดียว ไม่เพียงหาวิวทิวทัศน์ใดไม่ได้ ยังถูกซ้ำเติมด้วยพวกขี้เมาหยำเปที่มักมายืนยิงกระต่ายหราอยู่ตรงนั้นเป็นประจำ (ว่ากันตามบ้านเรา คือ ยิ่งพาซวยเลยนะเนี่ย)
พวกเขาจนเพราะไร้การศึกษา ทำให้ไร้อาชีพเป็นหลักแหล่ง จนขนาดไม่มีเงินส่งลูกเรียนต่อมหาวิทยาลัย อนาคตของลูกๆก็คงไร้การศึกษา และไร้งาน เป็นวนลูปต่อกันไป ทั้งๆที่กีจองก็มีแววฉลาดเรียนดี อย่างไรก็ตาม ถึงจะจน ครอบครัวคิมก็ยังมีความกลมเกลียวเป็นทีมเวิร์คดีเยี่ยม ยามมีปัญหาใด ก็มักช่วยเหลือกัน ยามมีจ๊อบพิเศษมา ก็ขมีขมันช่วยกัน เช่น พับกล่องพิซซ่า (แต่ถึงเป็นงานง่ายๆ ก็ทำได้มั่วเละอยู่เป็นนิจ 555) ถึงกระนั้น พ่อแม่ก็มีความภูมิใจในความเก่งของลูกเสมอ และลูกๆก็ยังมีความเคารพในประสบการณ์ของพ่อแม่ แม้จะไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นชิ้นเป็นอัน เท่ากับสกิลต้มตุ๋น ประหนึ่งเป็นยีนฉลาดไหวพริบ และ วาทะดีเยี่ยมกันทั้งบ้าน